"Overhead Crane" หรือ เครนเหนือศีรษะ ในภาษาอังกฤษ เป็นประเภทของเครนที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรมและโกดัง เครนประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกและย้ายวัตถุหนักหลากหลายชนิด โดยมีโครงสร้างหลักเป็นรางที่ติดตั้งอยู่บนฝ้าโรงงานหรือโครงสร้างสนับสนุนอื่นๆ Overhead Crane มีรถกระบะเลื่อน (trolley) ที่เคลื่อนที่ไปมาบนรางเหล่านี้ ช่วยในการย้ายวัตถุไปมาในแนวแกน X และ Y ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนที่ในแนวนอนและแนวตั้งตามพื้นที่ของโรงงานหรือพื้นที่ทำงาน การออกแบบนี้ช่วยให้การยกและขนย้ายวัตถุต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีการจัดเก็บหรือผลิตสินค้าที่มีน้ำหนักหนักหรือขนาดใหญ่
Share
หมวดหมู่ : crane , 
Share
Overhead Crane หรือ เครนเหนือศีรษะ มีสองรูปแบบหลัก ได้แก่ เครนเหนือศีรษะแบบคานคู่ และเครนเหนือศีรษะแบบคานเดี่ยว เราจะมาดูโครงสร้างและการทำงานของเครนเหนือศีรษะแบบคานคู่
โอเวอร์เฮดเครนในรูปแบบของเครนรางคู่ โครงสร้างหลักประกอบด้วยรางคู่ที่ถูกติดตั้งเพื่อแบกรับน้ำหนักและช่วยในการเคลื่อนที่ของเครน หัวยก (hoist) ของเครนจะถูกติดตั้งอยู่ระหว่างรางคู่เหล่านี้ และมีความสามารถในการเคลื่อนที่ไปตามแนวยาวและแนวกว้างของราง การออกแบบนี้ช่วยให้เครนมีความสามารถในการยกและขนย้ายวัตถุหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่กว้างใหญ่ และสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
เครนเหนือศีรษะแบบคานคู่มักใช้ในงานที่ต้องการยกน้ำหนักมากหรือมีข้อกำหนดในการทำงานที่หนัก ความแข็งแกร่งและความสามารถในการแบกรับน้ำหนักของเครนแบบคานคู่ทำให้มันเหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความแข็งแรงในการยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากและมีขนาดใหญ่
Overhead Crane แบบเครนรางคู่ มีคุณสมบัติและข้อดีที่ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับงานที่ต้องการยกน้ำหนักมากและมีความซับซ้อนสูง ต่อไปนี้คือข้อดีหลักๆ ของเครนรางคู่
1.ความสามารถในการยกน้ำหนักมาก: เครนรางคู่มีโครงสร้างที่แข็งแรงและมีพื้นที่การแบกรับน้ำหนักที่มากขึ้น เหมาะสำหรับการยกวัตถุที่มีน้ำหนักสูง
2.ระยะยกสูงกว่า: หัวยกสามารถถูกติดตั้งระหว่างรางคู่, ทำให้ได้ระยะยกที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับเครนแบบรางเดี่ยว ซึ่งเป็นประโยชน์ในงานที่ต้องการความสูงในการทำงาน
3.ปรับแต่งและขยายตัวได้: มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์เสริมเพื่อรองรับการทำงานที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น
4.ประสิทธิภาพการทำงาน: เครนรางคู่มักมีความเร็วและความแม่นยำในการยกและการเคลื่อนที่ที่สูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาในการทำงาน
Overhead Crane แบบเครนรางคู่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงในการยกน้ำหนักมากหรือต้องการความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงในการทำงาน
การเลือก Overhead Crane หรือ เครนเหนือศีรษะ แบบคานคู่ เป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้เหมาะสมกับงานและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน. นี่คือข้อแนะนำในการเลือก Overhead Crane
1.วิเคราะห์ความต้องการ: ทราบถึงปริมาณและน้ำหนักสูงสุดที่ต้องการยก และขอบเขตการทำงานที่ต้องการให้เครนสามารถเข้าถึงได้
2.ประเมินสภาพแวดล้อม: การเลือก Overhead Crane ต้องพิจารณาสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เช่น ความชื้น อุณหภูมิ ฝุ่น สารเคมี หรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเครน
3.เลือกประเภทของเครน: มีประเภทของ Overhead Crane หลากหลาย เช่น Single Girder, Double Girder, Top Running และ Under Running การเลือกประเภทขึ้นอยู่กับงบประมาณ การใช้งาน และสภาพแวดล้อมในโรงงาน
4.เลือกอุปกรณ์เสริม: อาจต้องการอุปกรณ์เสริม เช่น ระบบควบคุมความเร็ว อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ระบบกันสั่น ฯลฯ
5.จัดทำงบประมาณ: ประเมินต้นทุนทั้งหมดของเครน รวมถึงการติดตั้ง การบำรุงรักษา และการซ่อมแซม
6.ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐาน: เลือกเครนที่ปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎระเบียบท้องถิ่น เช่น มาตรฐาน ANSI, OSHA, หรือมาตรฐานท้องถิ่นอื่นๆ
7.เลือกผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ: เลือกผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่มีชื่อเสียง และมีประสบการณ์ในการติดตั้งและบริการหลังการขาย
8.การรับประกันและบริการหลังการขาย: ดูและเปรียบเทียบข้อเสนอของการรับประกันและบริการหลังการขายที่เหมาะสมกับงานของคุณ
การเลือก Overhead Crane ที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยการพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบและร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ผลิต
การคำนวณสำหรับ Overhead Crane แบบคานคู่เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดของโครงการและความต้องการของผู้ใช้งาน นี่คือปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา
1.ความสามารถในการยก (Lifting Capacity): ต้องกำหนดน้ำหนักสูงสุดที่เครนสามารถยกได้ รวมถึงน้ำหนักของวัตถุที่จะยกและความสูงที่ต้องการยกไป
2.ความยาวของราง (Span): ระยะห่างระหว่างรางที่เครนจะเคลื่อนที่บนมัน
3.ความสูงของการยก (Lift Height): ระยะทางสูงสุดที่เครนสามารถยกวัตถุได้
4.ความเร็วในการยก (Lifting Speed): วัดในหน่วยเมตรต่อนาทีหรือฟุตต่อนาที
5.ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเครื่องยนต์เครน (Trolley Speed): ความเร็วที่รถกระบะเลื่อนเคลื่อนที่ไปตามราง
6.ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเครนบนราง (Crane Travel Speed): ความเร็วที่เครนเคลื่อนที่ไปตามราง
7.กระบวนการใช้งานและการจัดเก็บ (Duty Cycle and Classification): ประเภทของการใช้งาน ความถี่ และประเภทของวัสดุที่จะยก
8.น้ำหนักของอุปกรณ์เสริม: อุปกรณ์เสริมสำหรับการยก เช่น ฮุก แม็กนิต คล้อง และอื่นๆ
9.ความปลอดภัย: พิจารณาภาระงานเกินความสามารถของเครน เซนเซอร์ และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอื่นๆ
เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถทำการคำนวณสเปกและขนาดของเครนได้ และเลือกเครนที่เหมาะสม เช่น single girder หรือ double girder และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง. แนะนำให้จ้างวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อช่วยในการออกแบบและคำนวณ Overhead Crane เพื่อความถูกต้องและความปลอดภัย